รักษาโรคเหงือก

รักษาโรคเหงือกอักเสบ และปริทันต์ หยุดปัญหาเลือดออกตามไรฟัน เพื่อรักษากระดูก และฟันให้แข็งแรง

บริการของเรา

รากฟันเทียม

ฟันปลอม

ครอบฟัน

ผ่าฟันคุด

ปลูกกระดูกฟัน

ขูดหินปูน Airflow

สะพานฟัน

ฟอกสีฟัน zoom

→ รักษาโรคเหงือก

เกลารากฟัน

ส่งข้อความหาเรา

form 2

ให้เราช่วยดูแลคุณ

เริ่มต้นสุขภาพช่องปากที่ดีกับเรา

โทรสอบถาม ส่งอีเมล

เพราะสุขภาพเหงือก คือรากฐานของฟันที่แข็งแรง

คุณมีอาการเลือดออกขณะแปรงฟัน, เหงือกบวมแดง, หรือมีกลิ่นปากอยู่เสมอ หรือไม่ อาการเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของ “โรคเหงือก” ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา สามารถลุกลามกลายเป็นโรคปริทันต์อักเสบ (Periodontitis) ที่มีการทำลายกระดูกรองรับฟัน ทำให้ฟันโยก และอาจต้องสูญเสียฟันไปในที่สุด การรักษาโรคเหงือกอย่างทันท่วงที จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่ เพื่อหยุดยั้งโรค แต่เพื่อรักษารากฐานของฟัน และสุขภาพช่องปากโดยรวมของคุณไว้ ให้แข็งแรง ในระยะยาว

บริการที่เรานำเสนอ

เราให้บริการดูแล และรักษาโรคเหงือกอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจนถึงขั้นรุนแรง โดยทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

  • การขูดหินปูน (Scaling) : เป็นการทำความสะอาดขั้นพื้นฐาน เพื่อกำจัดหินปูน และคราบจุลินทรีย์เหนือเหงือก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของเหงือกอักเสบ
  • การเกลารากฟัน (Root Planing) : สำหรับโรคเหงือกระยะลุกลาม เป็นการทำความสะอาดเชิงลึก เพื่อกำจัดหินปูน และเชื้อโรคที่อยู่ใต้เหงือก และผิวรากฟัน ทำให้ผิวรากฟันเรียบ เพื่อให้เหงือกกลับมายึดติดได้ดีอีกครั้ง
  • การศัลยกรรมปริทันต์ (Periodontal Surgery) : ในกรณีที่โรครุนแรงมาก ทันตแพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัด เพื่อเปิดเหงือก และทำความสะอาดให้เข้าถึงได้ลึกยิ่งขึ้น หรือทำการปลูกกระดูกในบริเวณที่ถูกทำลายไป
  • การดูแล และติดตามผลระยะยาว : เราเน้นการนัดหมาย เพื่อติดตามผล และดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการกลับมาของโรค

ทันตแพทย์ผู้ทำการรักษา

เปิดบริการทุกวัน

10:00 – 19:00 น.

ค่าบริการ

รักษาโรคเหงือก

ราคา

ขูดหินปูน

เริ่มต้น 1,000 – 1,800 บาท

ขูดหินปูน Airflow

2,500 บาท

เกลารากฟัน

2,500 บาท/ส่วน

ตัดเหงือก เพื่อความสวยงาม

10,000 – 20,000 บาท/ครั้ง

ใครควรพิจารณาการรักษาโรคเหงือก

คุณควรนัดหมาย เพื่อตรวจสุขภาพเหงือกโดยเร็วที่สุด หากพบสัญญาณเหล่านี้

  • มีเลือดออกง่ายขณะแปรงฟัน หรือใช้ไหมขัดฟัน
  • เหงือกมีสีแดงคล้ำ บวม หรือรู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัส
  • มีกลิ่นปากรุนแรง และเรื้อรัง
  • เหงือกร่น ทำให้มองเห็นตัวฟันยาวขึ้นผิดปกติ
  • รู้สึกว่าฟันโยก หรือฟันเริ่มห่างออกจากกัน
  • มีหนองไหลออกมาจากร่องเหงือก

ต้องเตรียมตัวอย่างไร

การรักษาโรคเหงือก เริ่มต้นที่การวินิจฉัยที่ถูกต้อง

  1. เข้ารับการตรวจวินิจฉัย : ทันตแพทย์จะตรวจวัดความลึกของร่องเหงือก (Periodontal Charting) และทำการเอ็กซเรย์ เพื่อประเมินระดับกระดูกที่ถูกทำลาย
  2. ให้ข้อมูลสุขภาพอย่างครบถ้วน : ควรแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบถึงโรคประจำตัว (เช่น เบาหวาน), ยาที่รับประทาน, และพฤติกรรมการสูบบุหรี่ เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้ มีผลต่อการดำเนินของโรค
  3. วางแผนการรักษา : ทันตแพทย์จะอธิบายแผนการรักษา และขั้นตอนต่างๆ ให้คุณทราบอย่างละเอียด
  4. เตรียมพร้อมปรับพฤติกรรม : การรักษาโรคเหงือกให้ได้ผลดี ต้องอาศัยความร่วมมือ ในการดูแลความสะอาดช่องปากที่บ้านอย่างถูกวิธี ควบคู่ไปด้วย

สุขภาพเหงือกที่ดี คือ ของขวัญที่คุณมอบให้กับตัวเองได้ อย่าปล่อยให้สัญญาณเตือนเล็กๆ น้อยๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไขได้ยากในอนาคต ที่ SMILE AND SHINE ทีมทันตแพทย์ของเรา พร้อมให้ความรู้ และดูแลรักษาโรคเหงือกของคุณ ด้วยความใส่ใจ เพื่อหยุดยั้งการลุกลามของโรค และฟื้นฟูสุขภาพช่องปากให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง นัดหมาย เพื่อตรวจสุขภาพเหงือกของคุณตั้งแต่วันนี้

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

การรักษาโรคเหงือก เป็นเรื่องที่หลายคน อาจยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อย เพื่อช่วยตอบข้อสงสัย และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับคุณ

ก่อนทำการรักษา ทันตแพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณที่จะทำการรักษา ทำให้คุณไม่รู้สึกเจ็บในระหว่างนั้น หลังการรักษาอาจมีความรู้สึกเสียวฟัน หรือระคายเคืองได้บ้างเล็กน้อย

ในระยะเริ่มต้น (เหงือกอักเสบ) สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่หากลุกลามเป็นโรคปริทันต์ที่มีการทำลายกระดูกไปแล้ว การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การ “ควบคุมโรค” ให้สงบ และไม่ลุกลามต่อไป แต่ไม่สามารถทำให้กระดูกที่ละลายไปแล้ว กลับคืนมาเหมือนเดิมได้ (ยกเว้นการทำศัลยกรรมปลูกกระดูก)

การขูดหินปูน ปกติจะทำความสะอาด แค่บริเวณเหนือขอบเหงือก แต่การเกลารากฟันเป็นการทำความสะอาดเชิงลึก โดยใช้เครื่องมือเข้าไปทำความสะอาดหินปูน และเชื้อโรคที่เกาะอยู่บนผิวรากฟัน “ใต้เหงือก” ซึ่งเป็นบริเวณที่การขูดหินปูนทั่วไปเข้าไม่ถึง

หากไม่รักษา การอักเสบจะลุกลามทำลายกระดูก และเนื้อเยื่อรอบๆ ฟันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เหงือกร่น ฟันโยก และสุดท้าย อาจจะต้องสูญเสียฟันซี่นั้นไป นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่เชื่อมโยงการอักเสบในช่องปาก กับโรคทางระบบอื่นๆ ของร่างกายด้วย

หัวใจสำคัญ คือ การดูแลความสะอาดช่องปากที่บ้านอย่างถูกวิธี และสม่ำเสมอ ทั้งการแปรงฟัน และการใช้ไหมขัดฟัน หรือแปรงซอกฟัน เพื่อทำความสะอาดซอกฟัน ร่วมกับการกลับมาพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจเช็ค และขูดหินปูนทุกๆ 3-6 เดือน ตามที่ทันตแพทย์แนะนำ

แผนที่คลินิกทันตกรรม

ท่านสามารถ ค้นหาเส้นทาง การเดินทาง มายังคลินิกทันตกรรมของเราได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน GOOGLE MAPS