การพิมพ์ปากรากฟันเทียมทั้งปากแบบดิจิตอล(Optisplint)
เคสการทำรากฟันเทียม ที่ติดกันหลายๆซี่ การพิมพ์ขั้นตอนการบันทึกตำแหน่งของรากฟันเทียมมีความสำคัญมาก (จริงๆก็สำคัญทุกขั้นตอนค่ะ)
เพราะโครงของสะพานฟัน หรือ ฟันทั้งปาก จะเชื่อมรากฟันเทียมทุกรากเข้าด้วยกัน
แค่กระดกนิดเดียว ก็ใส่ไม่ลงแล้วค่ะ แถมถ้าฝืนก็จะทำให้สกรูหักหรือชิ้นส่วนต่างๆแตกในระยะยาวด้วยค่ะ
การพิมพ์ชิ้นงานด้วยวัสดุพิมพ์ปาก
การพิมพ์จะค่อนข้างยากเพราะจะต้องมีการเชื่อมตำแหน่งของตัวพิมพ์ก่อนที่จะทำการพิมพ์ปากละเอียด
แถมวัสดุที่ใช้พิมพ์ละเอียด จะใช้เวลาประมาณ 5-8 นาที ในปาก
คนไข้มักจะมีปัญหาคลื่นไส้อาเจียนขณะพิมพ์ปาก
ปัญหาที่เจอคือ คนไข้บางคน ไวต่อวัตถุในช่องปากมาก พอพิมพ์ปากก็จะอาเจียนทุกที ทีนี้ถ้าวัสดุใส่ไปแล้วค้างอยู่เกือบสิบนาทีก็โหดพอตัวเลย
………
ไม่พิมพ์ก็ขอแสกนได้ไหม
คนไข้รากฟันเทียมของหมอหลายๆปีมานี้ ถ้าเป็นซี่ไม่ซับซ้อน
จะเห็นว่าแทบจะไม่ได้พิมพ์ปากเลยเคสรากฟันเทียมทั่วไป เพราะการใส่ฟันแบบแยกกัน ยังมี margin of error ที่รับได้ คือ พอแสกนก็ใช้ได้
ต่างกับเคสทั้งปาก
เพราะการเก็บข้อมูลตำแหน่งรากฟันเทียมในปากหลายๆรากที่ตำแหน่งห่างกัน มีโอกาส error สูง ทำให้โอกาสที่ใส่แล้วพอดีเป๊ะเป็นไปได้ยาก
………
ก็เลยมีการคิดค้นตัวแสกน และเทคนิคการพิมพ์ปากแบบต่างๆ เพื่อให้ไฟล์ที่ได้ ตรงเป๊ะกับตำแหน่งรากฟันเทียมแบบ 100%
เช่น
- การใช้ photogrametry หรือเครื่องบันทึกตำแหน่ง เหมือนกล้องถ่ายจากนอกปากแล้วไปประมวลตำแหน่งของราก
- การใช้ อะคริลิกเชื่อมฟันชั่วคราว แล้วทำการแสกนย้อนกลับ(ใช้ reverse scanbody)
- Optisplint : เป็น SCANBODYพิเศษ ที่มีการเชื่อมตำแหน่งของตัวแสกน (เพื่อลดความผิดพลาด)
Optisplint
Optisplint : เป็น SCANBODYพิเศษ ที่มีการเชื่อมตำแหน่งของตัวแสกน (เพื่อลดความผิดพลาด)
- 1.INTRAORAL SCANBODY
- ทำการต่อตัวแสกน เพื่อทำการแสกนในช่องปาก ข้อมูลที่ได้จะเป็นข้อมูลของสันเหงือกโดยรอบ
- 2.ใส่ scanbody แล้วเชื่อมกันกับโครงโลหะ (เหมือนเราพิมพ์แบบปกติแล้วเชื่อมด้วย Pattern resin) : ก็จะได้ตำแหน่งรากฟันเทียมที่เป๊ะๆ
- (ปกติจะชอบส่งไปให้ แลปใช้ LAB SCANNER จะมีความแม่นยำสูงค่ะ)
- ถ้ามีฟันชั่วคราวที่คนไข้ชอบ และพอดีเป๊ะ ก็ใส่ reverse scanbody ไปให้แลปด้วย
- แสกนใบหน้าด้วย 3D เพื่อนำไปประกอบการออกแบบรอยยิ้ม
สรุป
การทำรากฟันเทียมและบูรณะฟันทั้งปาก มีความซับซ้อน ต้องใช้ข้อมูลหลากหลายมาประกอบในการวางแผนการรักษาและออกแบบรอยยิ้ม
การใช้ดิจิตอลมาช่วยจะช่วยให้ชิ้นงานมีความสมบูรณ์แบบมากย่ิงขึ้นและแม่นยำมากขึ้น
ในอนาคตน่าจะมีการพัฒนาเทคนิกต่างๆเพิ่มขึ้นอีก
ทันตแพทย์เองก็ต้องหมั่นอบรมและพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอค่ะ