รากฟันเทียม คืออะไร

รากฟันเทียม(Dental implant)

แม้ว่าจะไม่มีใครอยากให้เกิดการสูญเสียฟันแท้ขึ้น แต่ถ้าปัญหาเกิดแล้ว ถ้าละเลยและปล่อยทิ้งไว้จะก่อให้เกิดปัญหาระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นฟันล้ม การสบฟันเปลี่ยน หรือ เกิดปัญหากับฟันข้างเคียง วันนี้หมอจะมาเล่าให้ฟัง ให้ได้มาทำความรู้จักประโยชน์ และ ประสิทธิภาพของ รากฟันเทียม ว่ามีจุดเด่น และ สามารถรักษาฟันแบบไหนได้บ้าง

รากฟันเทียม คือ อะไร

รากฟันเทียม หรือ ทันตกรรมรากเทียม(dental implant) คือ การทดแทนการสูญเสียฟันแท้ที่สูญเสียไปไปด้วยการผ่าตัด ฝังรากฟันเทียมที่ทำจากโลหะเพื่อยึดติดกับกระดูกขากรรไกรของคนไข้ ตรงตำแหน่งที่สูญเสียฟันเเละรากฟันธรรมชาติไป เพื่อเป็นหลักยึดฟันปลอม หรือครอบฟัน ทดแทนฟันที่หลุดไป เพื่อให้ฟันบดเคี้ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพเทียบเท่าฟันจริง

ขณะที่การทำฟันปลอมแบบอื่น ๆ อาจจะพบปัญหาเรื่องความไม่เป็นธรรมชาติ มีการเคี้ยวอาหารที่ติดขัดอยู่บ่อยๆ รากฟันเทียมเป็นทันตกรรมฟันปลอมแบบติดแน่นที่มีคุณสมบัติเหมือนฟันธรรมชาติ จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ที่ช่วยทำให้ฟันยังคงอยู่ครบ ทานอาหารได้ราบรื่นกว่า ไม่ต้องวุ่นวายถอดฟันปลอม และดูแลทำความสะอาดได้ง่ายแสนง่ายไม่ต่างจากฟันแท้ของเรา โดยเฉพาะถ้าได้รับการดูแลรักษารากฟันเทียมด้วยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็จะยิ่งทำให้คุณทานอาหารได้ง่าย พูดคุย และยิ้มได้อย่างมั่นใจ

ส่วนประกอบของรากฟันเทียม

  • รากฟันเทียม (Fixture) มีลักษณะคล้ายสกรูหรือน๊อต เป็นส่วนที่ฝังไปในกระดูกขากรรไกร ทำจากไทเทียมหรือเซอร์โคเนียม เมื่อมีการยึดติดสมบูรณ์แล้วจะมีความแข็งแรงมาก ทำหน้าที่เป็นหลักยึดให้กับส่วนอื่น
  • Abutment คือ แกน/เดือย ที่ทำจากไทเทเนียม หรือ เซอร์โคเนียม จะยึดติดกับ fixture ด้วยสกรู มีหน้าที่ทดแทนโครงสร้างแกนฟัน ในการยึดติดระหว่างครอบฟัน สะพานฟัน หรือฟันปลอม กับรากฟันเทียม
  • Prosthesis คือ ส่วนของครอบฟัน สะพานฟัน หรือฟันปลอมที่ยึดกับ Abutment ทำจากเซรามิค(Porcelain) หรือ Acrylic ทำหน้าที่เป็นที่บดเคี้ยวอาหาร ต้องแข็งแรงพอที่จะรับแรงบดเคี้ยวได้ดี
dental implant component

รากฟันเทียมทำจากอะไร?

วัสดุที่ใช้ทำรากฟันเทียม

รากฟันเทียม เป็นรากที่ทำจากโลหะ โดยในปัจจุบันมีเทคโนโลยีการผลิตรากฟันเทียมที่พัฒนา เพื่อเพิ่มคุณสมบัติของรากฟันเทียมให้ดียิ่งขึ้น

  • Titanium(ไทเทเนี่ยม) เกรด3, ไทเทเนี่ยมเกรด4 ยังคงเป็นวัสดุนิยมที่มาใช้ผลิตรากฟันเทียมมากที่สุดในปัจจุบัน
  • Roxolid หรือ TiZr เป็นเทคโนโลยีของ Straumann โดยเป็นอัลลอยด์หรือโลหะผสมของเซอร์โคเนียมและไทเทเนียม ทำให้รากมีความแข็งแรง และรับแรงบดเคี้ยวได้มากกว่าไทเทเนียมปกติ
  • Trabecular implant ของ Zimmerbiomet
  • Pure zirconia implant ใช้ในบริเวณที่ต้องการความสวยงาม เนื่องจากเป็นโลหะสีขาว ทำให้ไม่สะท้อนสีดำผ่านเหงือก

โดยวัสดุที่นำมาผลิตรากฟันเทียม เป็นวัสดุที่เข้ากันได้กับร่างกายมนุษย์เป็นอย่างดี เมื่อฝังเข้าไปในกระดูกขากรรไกร เพื่อทดแทนฟันธรรมชาติ รากฟันเทียมจะเป็นหลักเพื่อรองรับครอบฟัน สะพานฟัน หรือฟันปลอม เพื่อให้คนไข้ได้กลับมามีฟัน เหมือนได้ฟันแท้กลับมาอีกครั้ง

พื้นผิวของรากฟันเทียม

พื้นผิวของรากฟันเทียมจะมีการพัฒนาเพื่อส่งเสริมกระบวนการยึดติด(Osseointegration)ให้ดีขึ้น เร็วขึ้น โดยจะมีการเตรียมพื้นผิวด้วยกระบวนการต่างๆ เช่น SLA-Sandblast Large grid -Acidetchโดยจะนำไทเทเนียมมาพ่นทรายและแช่ในกรด ,Anodize-การใช้กระแสไฟฟ้า เพื่อต้องการให้ไทเทเนียมนี้มีรูพรุนและความขรุขระที่พื้นผิวของไทเทเนียม เพื่อส่งเสริมการยึดติดนั่นเอง โดยเซลล์ของกระดูกที่วิ่งมาพร้อมกับเลือด จะแทรกซึมไปในผิวรากเทียมและสร้างกระดูกยึดจนเป็นเนื้อเดียวกันกับกระดูกขากรรไกรที่เหลือ

รากฟันเทียมมีกี่แบบ

metal free implant

รากฟันเทียมซี่เดียว (Single Dental Implant)


การทำรากฟันเทียมแบบซี่เดียวเหมาะกับคนไข้มีฟันซี่เดียวหายไปหรือหลายซี่ที่ไม่ได้อยู่ติดกัน

สะพานฟันบนรากฟันเทียม

รากฟันเทียมหลายซี่ (Implant-supported bridge)


เป็นการใช้รากฟันเทียม 2 รากเพื่อรองรับสะพานฟัน 3-4 ซี่ เหมาะกับคนไข้ที่สูญเสียฟันหลายซี่ที่อยู่ติดกัน

รากฟันเทียมทั้งปาก allon4

รากฟันเทียมทั้งปาก (ALL-ON-4,ALL-ON-X)


การใช้รากฟันเทียม 4-6 รากเพื่อรองรับฟันปลอมทั้งขากรรไกร

กรณีที่ฟันหาย 1 ซี่
รากฟันเทียม 1 ซี่(Single dental implant)

สามารถใส่ฟันเทียมติดแน่นได้ โดยการทำรากฟันเทียม หรือ การทำสะพานฟัน แต่การทำรากฟันเทียมจะได้ผลที่ดีที่สุดเนื่องจากใส่รากฟันเทียมในกระดูกขากรรไกรในตำแหน่งที่สูญเสียฟันโดยไม่ต้องกรอฟันข้างเคียงการทำความสะอาดทำได้ง่าย การซ่อมแซมดูแลรักษาทำได้ง่าย สามารถซ่อมแซมเฉพาะที่ได้แตกต่างจากการทำสะพานฟันซึ่งส่วนครอบฟันจะติดกันทั้งหมด ถ้าหากซี่ใดซี่หนึ่งมีปัญหา ต้องรื้อมาแก้ทั้งหมด และการทำสะพานฟัน น้ำหนักการบดเคี้ยวจะลงบริเวณฟันหลักยึด ทำให้ถ้าฟันหลักยึดไม่แข็งแรงอาจจะเป็นอันตรายต่อฟันทั้งชุดได้

กรณีฟันหาย 3 ซี่ติดกัน
สะพานฟันบนรากฟันเทียม(Implant supported bridge)

สามารถทำรากฟันเทียมและสะพานฟันบนรากฟันเทียมได้ โดยทำรากฟันเทียมจำนวนสองรากและสะพานฟันสี่ตำแหน่ง มีข้อดีคือลดจำนวนรากฟันเทียมลงและสามารถหลีกเลี่ยงบริเวณที่ไม่สามารถใส่รากฟันเทียมได้

กรณีฟันหายจำนวนมาก หรือ สูญเสียฟันทั้งขากรรไกร
รากฟันเทียมทั้งปาก หรือ รากฟันเทียมยึดฟันปลอมทั้งปาก
(Fullarch implant)

รากฟันเทียมสามารถช่วยทดแทนฟันได้ทั้งแบบติดแน่น และแบบถอดได้ โดยแบบติดแน่นทันตแพทย์จะทำการฝังรากเทียมจำนวน 4, 6 หรือ 8 ตัวต่อ 1 ขากรรไกร ส่วนแบบถอดได้จะฝังรากฟันเทียมจำนวน 2-4 ตัว

รากฟันเทียม;ทำหน้าที่อย่างไร

  1. รากฟันเทียม ป้องกันฟันล้ม
  2. รากฟันเทียมช่วยรับแรงบดเคี้ยว
  3. รากฟันเทียมฟันหน้า ช่วยในการออกเสียง
  4. รากฟันเทียม มีความใกล้เคียงฟันธรรมชาติมาก ทำให้มีบุคลิกภาพที่ดี
  5. รากฟันเทียม ช่วยให้คนไข้กลับมามีความมั่นใจ
  6. เมื่อใส่ฟันหลังด้วย รากฟันเทียม ช่วยให้ความสูงใบหน้าเพิ่มขึ้น ทำให้ริ้วรอยบนใบหน้าลดลง ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
  7. รากฟันเทียม ช่วยให้ทานอาหารได้ปกติ ระบบย่อยอาหารกลับมาทำงานเป็นปกติ สุขภาพร่างกายแข็งแรง

กรณีไหนที่ต้องทำรากฟันเทียม:ใครควรใส่รากฟันเทียม

ปัจจัยสำคัญ คือ คนไข้ต้องการฟันเทียมที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด ต้องการยิ้มและพูดคุยอย่างมั่นใจ ต้องการการบดเคี้ยวที่ดี หรือทดแทนฟันที่เหลืออยู่ซึ่งไม่แข็งแรง ไม่เหมาะเป็นฟันหลักยึดให้กับฟันเทียมชนิดอื่นๆ แม้แต่ในรายที่ทำฟันปลอมแบบถอดได้แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ รากฟันเทียมมีส่วนช่วยได้อย่างมากในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ปัจจุบันการใส่รากฟันเทียมในกรณีที่ฟันหายไป รากฟันเทียม ถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในกรณีที่มีฟันหายไป    1-2 ซี่ รวมถึงรากฟันเทียมก็มีส่วนช่วยให้ฟันเทียมชนิดถอดได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เรียกได้ว่ารากฟันเทียมมีส่วนช่วยในการทำฟันเทียมเกือบทุกกรณี

  • ผู้ที่สูญเสียฟันแท้จากอุบัติเหตุ
  • ผู้ที่มีฟันแตก หัก ซึ่งทันตแพทย์พิจารณาว่าไม่สามารถรักษาได้อีกต่อไป
  • เหงือกบริเวณที่จะทำการปลูกรากฟันเทียม ไม่มีการอักเสบหรือติดเชื้อ ซึ่งอาจส่งผลให้การปลูกรากฟันเทียมล้มเหลวได้
  • ผู้ที่ไม่ต้องการใส่ฟันปลอมถอดได้หรือมีความกังวลเกี่ยวกับการสวมใส่ฟันปลอมชนิดถอดได้
  • ผู้ที่ใส่ฟันปลอมทั้งปากแต่ประสบกับปัญหากระดูกขากรรไกรล่างยุบตัวลงมาก ทำให้ฟันปลอมหลุดได้ง่าย ซึ่งการฝังรากฟันเทียมจะช่วยยึดฟันปลอมให้แน่นขึ้น
  • บุคคลที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เนื่องจากเด็กจะมีกระดูกขากรรไกรยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่

ใครที่ไม่แนะนำให้รักษาด้วยรากฟันเทียม - ไม่สามารถทำรากฟันเทียมได้

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ส่งผลต่อการหายของกระดูก เช่น ผู้ป่วยที่รับยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยไขข้ออักเสบ
  • คนไข้ที่มีโรคประจำตัวที่ควบคุมไม่ได้ เช่น เบาหวาน มะเร็ง ลูคีเมีย
  • ผู้ป่วยที่รับยาบางชนิดที่ส่งผลต่อกระบวนการสร้างและทำลายกระดูก
  • ผู้ที่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์
  • อายุต่ำกว่า 18 ปีเนื่องจากยังมีการเจริญเติบโตของกระดูกขากรรไกร

ข้อดี และ ข้อเสีย ของการทำรากฟันเทียม

ข้อดีของการทำรากฟันเทียม

เนื่องจากการทำรากฟันเทียมถือเป็นการใส่ฟันที่ดีที่สุดในปัจจุบัน และมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด จึงช่วยให้คนไข้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังนี้

  • คนไข้มีความมั่นใจ บุคลิคภาพดูดียิ่งขึ้น
  • คนไข้กลับมาเคี้ยวอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งานบดเคี้ยวได้ไม่ต่างกับฟันธรรมชาติ
  • มีความรู้สึกเหมือนได้ฟันธรรมชาติกลับคืนมาก การทดแทนด้วยรากฟันเทียมจะมีความเป็นธรรมชาติมากกว่าการใส่ฟันปลอมชนิดอื่น
  • สามารถใส่ฟันได้โดยไม่ต้องกรอแต่งซี่ข้างเคียง
  • ดูแลทำความสะอาดง่ายขึ้น ทำให้สุขภาพอนามัยช่องปากคนไข้ดีขึ้น
  • สามารถพูดและออกเสียงได้ชัดเจน
  • สามารถรับประทานอาหารที่อยากทานได้ เหมือนได้ฟันธรรมชาติกลับคืนมา
  • ลดปัญหาการหลุด หลวม และความวิตกกังวลเกี่ยวกับฟันปลอม
  • มีความคงทนถาวร
  • คนไข้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งร่างกายและจิตใจ
  • มีความปลอดภัยสูง รากฟันเทียมทำจากไทเทเนียม medical grade จึงสามารถมั่นใจได้ว่ารากฟันเทียมเข้ากันได้ดีกับร่างกาย
  • สามารถใช้กับการใส่ฟันได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นรากฟันเทียมร่วมกับครอบฟันทดแทนฟันหนึ่งซี่ รากฟันเทียมร่วมกับสะพานฟันทดแทนฟันหลายซี่ และรากฟันเทียมรองรับฟันปลอม ในกรณีที่สูญเสียฟันไปมาก

 

ข้อจำกัดของรากฟันเทียมเมื่อเทียบการใส่ฟันชนิดอื่น

  • ระยะเวลาในการทำรากฟันเทียม อย่างน้อยใช้เวลา 2 เดือน และอาจจะใช้เวลาถึงปี แต่สะพานฟันใช้เวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์
  • ขั้นตอนการรักษารากฟันเทียมยุ่งยาก ซับซ้อนกว่า
  • รากฟันเทียมต้องทำการผ่าตัด

ปัจจุบันราคารากฟันเทียมกับสะพานฟันไม่ต่างกันมาก เมื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อด้อยแล้ว การทำรากฟันเทียม จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นและการทำสะพานฟันมีแนวโน้มลดลง

เปรียบเทียบการใส่ฟันแบบต่างๆ รากฟันเทียม-สะพานฟัน-ฟันปลอม

รากฟันเทียมต่างจากฟันปลอมถอดได้อย่างไร

คนไข้หลายคนที่สูญเสียฟันไป การทำฟันปลอมแบบธรรมดาจะมีปัญหาในเรื่องของความรู้สึกเวลาใส่ที่เกะกะ ไม่สบาย อาจจะมีจุดกดเจ็บ จุดนูน และถ้าฟันปลอมใหญ่มากจะรู้สึกเทอะทะและคลื่นไส้ นอกจากนี้ฟันปลอมยังต้องถอดเข้าออก ทำให้ไม่สะดวกสบาย

แต่การทำรากฟันเทียม ฟันปลอมจะยึดติดกับรากฟันเทียมที่ฝังในกระดูกขากรรไกร ทำให้ฟันที่ใส่บนรากฟันเทียมติดแน่น ไม่ต้องถอดเข้าออก และสวยงามเหมือนคนไข้ได้ฟันธรรมชาติกลับคืนมา

สรุป

  • รากฟันเทียม เป็นฟันปลอมติดแน่น ไม่ต้องถอดเข้า ถอดออก
  • รากฟันเทียมมีความสวยงาม เป็นธรรมชาติ
  • ครอบรากฟันเทียมทำจากเซอร์โคเนียซึ่งมีความแข็งแรงกว่า เมื่อเทียบกับฟันปลอมที่ทำจากอะคริลิก
  • รากฟันเทียมยึดกับกระดูก ทำให้รับแรงบดเคี้ยวได้ดีกว่าฟันปลอมที่ยึดกับฟันและวางบนสันเหงือก

รากฟันเทียม แตกต่างจากสะพานฟันอย่างไร

รากฟันเทียม และสะพานฟันต่างจัดว่าเป็นการใส่ฟันชนิดติดแน่นทั้งคู่

ในการทำสะพานฟันต้องกรอฟันหัวท้ายช่องว่างเพื่อเป็นหลักในการสวมสะพานฟัน ซึ่งมีลักษณะเป็นครอบฟันที่ติดกัน ยึดบนหลักคือฟันแท้ของคนไข้เอง

แต่รากฟันเทียมไม่ต้องกรอฟัน แต่เป็นการใส่รากฟันเทียมไทเทเนียมในกระดูกขากรรไกร ทำให้ไม่ต้องไปกรอหรือยุ่งกับฟันซี่อื่นๆ และหากมีปัญหาสามารถแก้ไขโดยไม่ต้องไปรื้อฟันทั้งหมด

สรุป

  • สะพานฟันต้องกรอฟันข้างเคียง ทำให้เสียเนื้อฟัน การทำรากฟันเทียมไม่จำเป็นต้องกรอฟันข้างเคียง
  • กรอฟันข้างเคียงจะทำให้ ฟันที่เป็นหลักอ่อนแอลง ถ้าทำความสะอาดไม่ได้ จะทำให้เกิดการผุต่อบริเวณรอยต่อ และสูญเสียฟันหลักในอนาคต
  • ทำความสะอาดยาก

เทคโนโลยีการทำรากฟันเทียม

1. เอกซเรย์สามมิติระบบดิจิตอล (Digital 3D CBCT)

เอกซเรย์สามมิติ (CBCT) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างภาพโครงสร้างกระดูกขากรรไกร เส้นประสาท และเนื้อเยื่อโดยรอบแบบสามมิติ

  • ช่วยให้ทันตแพทย์เห็นตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการฝังรากฟันเทียม
  • เพิ่มความแม่นยำในการวางแผนและลดความเสี่ยงในการผ่าตัด

2. การวางแผนฝังรากฟันเทียมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (Computer Guided Implant Planning)

ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยวางแผนการฝังรากฟันเทียมแบบสามมิติ

  • ช่วยกำหนดตำแหน่ง ความลึก และมุมของรากฟันเทียมได้อย่างแม่นยำ
  • ลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดระหว่างการรักษา และทำให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด

3. การใช้ CGF (Concentrated Growth Factors) โดย Silfradent

CGF เป็นเทคโนโลยีที่ใช้เลือดของผู้ป่วยเพื่อสร้างสารกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์

  • ช่วยในการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อและกระดูกรอบรากฟันเทียม
  • เพิ่มความเร็วในการสมานแผลและลดโอกาสการติดเชื้อ

4. เครื่องสแกนภายในช่องปาก (Intraoral Scanner) 3Shape

Intraoral Scanner จาก 3Shape เป็นเทคโนโลยีดิจิทัลที่ใช้สแกนภายในช่องปาก

  • ช่วยสร้างแบบจำลองฟันและเหงือกแบบสามมิติ
  • ลดการพิมพ์ปากแบบเดิม เพิ่มความแม่นยำและความสะดวกสบายให้กับผู้ป่วย

5. Plasma Activator

เครื่อง Plasma Activator ช่วยกระตุ้นพื้นผิวของวัสดุรากฟันเทียม

  • เพิ่มการยึดติดระหว่างรากฟันเทียมและกระดูกขากรรไกร
  • ช่วยให้รากฟันเทียมฟื้นตัวเร็วและใช้งานได้ยาวนานขึ้น

6. UV Activator

UV Activator เป็นเทคโนโลยีที่ใช้แสง UV ในการทำความสะอาดและกระตุ้นพื้นผิวของรากฟันเทียม

  • ช่วยขจัดสิ่งปนเปื้อนที่อาจตกค้างบนรากฟันเทียม
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะกับกระดูก

7. Densah Bur Osseodensification

Densah Bur เป็นเครื่องมือที่ใช้เทคนิค Osseodensification

  • ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกโดยไม่ทำให้กระดูกเสียหาย
  • ลดความจำเป็นในการปลูกกระดูก และทำให้กระดูกยึดรากฟันเทียมได้แน่นหนายิ่งขึ้น

ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม: คู่มือสำหรับผู้สนใจ

1. การปรึกษาและวางแผนการรักษากับทันตแพทย์

ก่อนเริ่มต้นการรักษา ผู้ป่วยควรเข้ารับคำปรึกษาจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบและวางแผนการรักษา ซึ่งประกอบด้วย:

  • การพูดคุยเกี่ยวกับชนิดของรากฟันเทียมและฟันเทียมที่เหมาะสมกับผู้ป่วย
  • การพิจารณาปัจจัยที่ส่งผลต่อการรักษา เช่น โรคประจำตัว (เบาหวาน หัวใจ ความดันโลหิตสูง หอบหืด) หรืออาการแพ้ต่างๆ (แพ้ยา แพ้โลหะ) ซึ่งผู้ป่วยต้องแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อปรับแผนการรักษาให้เหมาะสม
  • การใช้ X-ray Digital 3D CBCT (CT SCAN) เพื่อตรวจสอบโครงสร้างกระดูก เส้นประสาท และกำหนดตำแหน่งรากฟันเทียมอย่างละเอียด

หมายเหตุ: การปรึกษาทันตแพทย์ในขั้นตอนนี้ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับแผนการรักษาที่ตอบโจทย์ความต้องการ และลดความเสี่ยงในการรักษา

2. การตรวจและเตรียมความพร้อมของกระดูก

เมื่อได้รับการประเมินเบื้องต้น ทันตแพทย์จะตรวจสอบสภาพช่องปากและกระดูกของผู้ป่วย รวมถึงการติดเชื้อที่อาจมีอยู่ หากพบปัญหา เช่น กระดูกไม่เพียงพอหรือติดเชื้อ จะต้องทำการรักษาก่อน:

  • กรณีการติดเชื้อ: รักษาอาการติดเชื้อก่อนการฝังรากฟัน อาจใช้เวลา 2-8 สัปดาห์
  • กรณีโครงสร้างกระดูกไม่เพียงพอ: อาจต้องปลูกกระดูกเพิ่มเติม เพื่อรองรับรากฟันเทียม

3. การผ่าตัดฝังรากฟันเทียม

เมื่อกระดูกและช่องปากพร้อม ทันตแพทย์จะดำเนินการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมโดยใช้วัสดุไทเทเนียมที่ปลอดภัยและเข้ากับร่างกายได้ดี:

  • ฉีดยาชาเฉพาะที่เพื่อลดความเจ็บปวด
  • ฝังรากฟันเทียมลงในกระดูกขากรรไกร พร้อมเย็บปิดแผล
  • นัดตัดไหมใน 14-21 วัน และรอประมาณ 3-4 เดือน เพื่อให้รากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกขากรรไกรอย่างสมบูรณ์

4. การติดตั้ง Abutment และการพิมพ์ปาก

เมื่อรากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกเรียบร้อยแล้ว:

  • ติดตั้ง Abutment หรือหลักยึดโลหะที่รองรับครอบฟันหรือสะพานฟัน
  • ใส่ เครื่องมือช่วยสร้างร่องเหงือก (Gingival Former) เพื่อเตรียมพื้นที่
  • พิมพ์ปากเพื่อส่งทำครอบฟัน สะพานฟัน หรือฟันปลอมที่เหมาะสม

5. การติดตั้งครอบฟันหรือฟันปลอม

  • ทันตแพทย์จะติดตั้งครอบฟันหรือสะพานฟันด้วยสารยึดติดทางทันตกรรม
  • ผู้ป่วยจะได้ฟันที่มีรูปลักษณ์สวยงาม และการใช้งานใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ

6. การดูแลและติดตามผลหลังการรักษา

  • หลังการติดตั้งรากฟันเทียม ผู้ป่วยควรดูแลรักษาความสะอาดช่องปากอย่างสม่ำเสมอ และเข้ารับการตรวจเช็กจากทันตแพทย์ทุก 6-12 เดือน เพื่อความมั่นใจว่ารากฟันเทียมยังคงอยู่ในสภาพดี

การดูแลหลังทำรากฟันเทียม

ระยะเวลาพักฟื้นหลังจากทำรากฟันเทียม

ปกติการทำรากเทียมใช้เวลาพักฟื้นเพียง 1-2 วันเท่านั้น ถ้าคนไข้มีกระดูกรองรับรากเทียมไม่เพียงพอ หรือมีเนื้อเยื่อเหงือกที่คุณภาพไม่ดี ต้องมีขั้นตอนการผ่าตัดเสริมกระดูก หรือเสริมเนื้อเยื่อเหงือก ก็จะมีระยะการพักฟื้นที่นานกว่า

อาการหลังผ่าตัดรากฟันเทียม

  • คนไข้อาจมีการปวดบวมภายหลังการผ่าตัดอาจเกิดขึ้นได้ประมาณ 5-7 วัน  ให้รับประทานยาที่ได้รับอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้แผลหายได้เป็นปกติ
  • กรณีที่มีอาการผิดปกติภายหลังการผ่าตัด 1-2 วัน เช่น มีหนอง มีไข้ มีอาการชาบริเวณคาง ริมฝีปาก หรือลิ้น ปวดบวมรุนแรงหรือมีเลือดออกบ่อย ให้กลับมาพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสอบอาการทันที

การดูแลตนเองหลังจากผ่าตัดรากฟันเทียม

  1. รับประทานเฉพาะอาหารเหลวก่อนในช่วงวันแรก เพื่อหลีกเลี่ยงเศษอาหารปนเปื้อนแผล สามารถรับประทานอาหารกึ่งเหลว หรืออาหารบดในช่วงวันที่ต่อๆมาได้
  2. หลีกเลี่ยงการกัดหรือเคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียวเกินไป ช่วง 1-2 เดือน เพื่อป้องกันแรงกระแทกที่จะเกิดขึ้นกับรากเทียมที่เพิ่งฝังเข้าไป
  3. หลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่ร้อนหรือเย็นมากในวันแรกหลังการผ่าตัด
  4. อาการบวมหลังผ่าตัดถือเรื่องเป็นเรื่องปกติ สามารถรับประทานยาที่ได้รับอย่างต่อเนื่องเพื่อลดอาการอักเสบ
  5. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  6. คนไข้สามารถดูเเลรักษาความสะอาดของฟันได้ตามปกติ เหมือนฟันธรรมชาติ แปรงฟันให้ถูกวิธี ใช้ไหมขัดฟันกำจัดเศษอาหารตามซอกฟัน
  7. แนะนำให้ใช้น้ำยาบ้วนปากล้างน้ำยาฆ่าเชื้อ ตามที่แพทย์สั่ง
  8. พบทันตแพทย์ตามนัดทุกครั้ง และทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
  9. หากมีพฤติกรรมขบเคี้ยวฟัน หรือนอนกัดฟัน ควรพบทันตแพทย์เพื่อแก้ไขภาวะดังกล่าว

ราคารากฟันเทียม

หลายคนสนใจที่จะทำรากฟันเทียมก็มาหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ราคารากฟันเทียม

โดยการทำฟันปลอมบนรากเทียมมีราคาหลากหลาย ขึ้นกับปัญหาช่องปาก และความต้องการของคนไข้

ทางคลินิกสไมล์แอนด์ชายน์ได้ทำทางเลือกหลายแบบเพื่อให้คนไข้สามารถเลือกวางแผนการชำระค่ารักษาที่เหมาะกับตัวเอง

ดูข้อมูลเกี่ยวกับราคารากฟันเทียมของ Smile And Shine Dental Clinic 

การรับประกันรากฟันเทียม

  • รากเทียมทางคลินิกจะรับประกัน 5 ปี
  • Straumann และ Neodent by straumann จะรับประกันส่วนของตัวรากเทียม (fixture) ตลอดอายุการใช้งาน
  • ครอบฟันบนรากฟันเทียมรับประกัน 2 ปี
รายละเอียดการรับประกันรากฟันเทียม

รากฟันเทียมยี่ห้อไหนดี

รากฟันเทียมที่เลือกใช้ในคลินิก

1. Straumann

Straumann เป็นแบรนด์ชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านรากฟันเทียม ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและความทนทานสูง

จุดเด่นของ Straumann:

  • วัสดุ Roxolid® ที่แข็งแรงกว่าไทเทเนียมทั่วไป ทำให้สามารถใช้ในกรณีที่มีปริมาณกระดูกจำกัด
  • การออกแบบผิวรากฟันเทียม SLActive® ช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการยึดเกาะกับกระดูก
  • รับประกันคุณภาพระดับพรีเมียม เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาความมั่นใจในระยะยาว

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการรากฟันเทียมคุณภาพสูงสุดและมีงบประมาณมาก


2. Hiossen

Hiossen เป็นแบรนด์รากฟันเทียมที่มีต้นกำเนิดจาก Osstem แบรนด์ชั้นนำของเกาหลีใต้ โดย Hiossen ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยการผสานความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและประสบการณ์การผลิตของ Osstem เข้ากับระบบการควบคุมมาตรฐานการผลิตและวัสดุของสหรัฐอเมริกา ทำให้ Hiossen กลายเป็นรากฟันเทียมที่มีคุณภาพสูงและได้รับความไว้วางใจในระดับสากล


3. Neodent by Straumann Group

Neodent เป็นแบรนด์ในเครือ Straumann Group จากประเทศบราซิลที่นำเสนอทางเลือกคุณภาพในราคาที่ย่อมเยากว่า

จุดเด่นของ Neodent:

  • เทคโนโลยีจาก Straumann ทำให้มั่นใจได้ในคุณภาพและความปลอดภัย
  • ราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับ Straumann แต่ยังคงคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม
  • รองรับการใช้งานหลากหลายกรณี ทั้งแบบฟันเดี่ยวและฟันทั้งปาก

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการคุณภาพระดับสากลในราคาที่ประหยัด


4. Neobiotech

Neobiotech เป็นแบรนด์จากเกาหลีใต้ที่ได้รับความนิยมในเอเชียและหลายประเทศทั่วโลก 

จุดเด่นของ Neobiotech:

  • การออกแบบที่เหมาะสำหรับกระดูกของคนเอเชีย
  • ราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ
  • มีอุปกรณ์เสริมที่หลากหลาย

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการทางเลือกคุณภาพดีในงบประมาณที่จำกัด

เปรียบเทียบรากฟันเทียม

หลักในการพิจารณาเลือก รากฟันเทียม

1.รากเทียมทำจากบริษัทที่ได้มาตรฐาน บริษัทมีความมั่นคง อีกทั้งตัวแทนจำหน่ายในไทยเองก็ต้องมั่นคงเช่นกัน เพราะถ้าต้องหาชิ้นส่วนอะไหล่ ในอนาคตเราจะต้องหาได้
2.บริษัทที่มีการค้นคว้าและมีผลงานการวิจัยรองรับที่เชื่อถือได้ ทำให้มีการพัฒนารูปแบบให้ดียิ่งๆขึ้น
3.คุณภาพของทุกขั้นตอนต้องดี ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงที่เป็น medical gradeยี่ห้อที่สไมล์แอนด์ชายน์ เลือกใช้คือรากฟันเทียมที่มีมาตรฐาน

  • “แนวคิดของ สไมล์ แอนด์ ชายน์ เราไม่จำเป็นต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดในโลกแต่เลือกสิ่งที่เหมาะกับเรามากที่สุดในโลกต่างหาก

วิธีที่ดีที่สุดคือปรึกษาคุณหมอ เพื่อจะให้ได้คำตอบที่ดีที่สุดว่า รากเทียมไหนดีที่สุดกับกรณีของแต่ละคน”

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับรากฟันเทียม(FAQ)

หลายคนจินตนาการว่าการทำรากฟันเทียมเจ็บ แผลใหญ่ ต้องวางยาสลบไหม จริงๆแล้วการทำรากฟันเทียมไม่ได้เจ็บอย่างที่คิด เพราะความเจ็บปวดขณะทำรากฟันเทียมสามารถควบคุมได้โดยยาชาเฉพาะที่ และความเจ็บปวดหลังจากการทำรากฟันเทียม ควบคุมได้โดยยาแก้ปวดที่คุณหมอสั่งไว้ค่ะ

การผ่าตัดฝังรากฟันเทียมจะทำภายใต้ยาชาเฉพาะที่

คนไข้จะทำรากฟันเทียมภายใต้ยาชาเฉพาะที่ โดยหลังจากที่ทันตแพทย์ฉีดยาชาแล้ว ยาชาออกฤทธิ์เต็มที่ คนไข้จะไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดขณะที่ผ่าตัดเลย

ในรายที่มีปริมาณกระดูกเพียงพอ กระดูกมีคุณภาพดี การฝังรากฟันเทียมทำได้ง่าย มีความเจ็บปวดใกล้เคียงกับการถอนฟัน

คนไข้มักจะอยากได้ฟันเร็ว อย่างไรก็ตามจะใส่ฟันได้เลยไหม ขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา ตำแหน่งฟัน ความสมบูรณ์ของกระดูกขากรรไกร

ส่วนตัวแล้วถ้าจะใส่ฟันทันที หมอมักจะใส่เป็นครอบฟันชั่วคราวให้คนไข้ไปก่อน โดยการรักษาที่ใส่ฟันทันทีมักจะทำในฟันหน้า และกรณีที่ใส่ฟันทั้งปากแบบ all-on-4


เมื่อคนไข้ฝังรากฟันเทียมพร้อมกับใส่ฟันไปแล้ว รอสามถึงสี่เดือน ให้รากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกได้ดีแล้วค่อยมาทำฟันถาวรจากวัสดุถาวร เช่น ฟันปลอมเสริมโครงโลหะหรือสะพานฟันสำหรับการใส่ฟันทั้งปาก และการใส่ครอบฟันเซอร์โคเนียสำรหับการใส่ฟันซี่เดียว

แต่ถ้ากระดูกไม่สมบูรณ์ ต้องมีการปลูกกระดูกร่วมด้วย อย่างไรก็ต้องรอการปลูกกระดูกอย่างน้อยสี่เดือนค่ะ


การทำรากฟันเทียมให้เสร็จภายใน 1 วัน หรือ one day implant จะทำการถอนฟัน พร้อมฝังรากฟันเทียม และใส่ฟันในวันนั้นได้เลย อย่างไรก็ตามการทำ one day implant จะต้องเลือกเคสอย่างระมัดระวังค่ะ

 

รากเทียมมีความทนทานเเละใช้งานได้เหมือนกันฟันจริง อายุการใช้งานของรากฟันเทียมนั้นอยู่ได้นานถึง 10 – 20  ปี หรือนานกว่านั้น อยู่ที่การดูเเลรักษาความสะอาดให้ดีอย่างสม่ำเสมอ

รากฟันเทียมทำจากไทเทเนียม ซึ่งมีความแข็งแรงมาก อย่างไรก็ตามถึงจะไม่ผุเหมือนฟันธรรมชาติ แต่ก็อาจเกิดโรคเหงือกได้ ดังนั้น รากฟันเทียมต้องได้รรับการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ โดยปกติแพทย์จะทำการนัดมาเช็คทุกหกเดือน

โดยคุณหมอจะทำการตรวจการสบฟันของรากฟันเทียมกับฟันข้างเคียง และเอกซเรย์ดูกระดูกที่รองรับรากฟันเทียม ตลอดจนทำความสะอาดรากฟันเทียมนั้นๆ การดูแลรักษาอย่างดีและสม่ำเสมอจะทำให้รากฟันเทียมอยู่กับเราไปนานๆค่ะ

โดยปกติทันตแพทย์จะแนะนำให้ทำการจัดฟันให้เสร็จก่อน ค่อยมารักษาด้วยการทำรากฟันเทียม เนื่องจากรากฟันเทียมจะไม่มีการเคลื่อนที่ได้เหมือนฟันธรรมชาติ ทำให้ไม่สามารถจัดฟันในตำแหน่งที่ทำรากฟันเทียมได้ แต่ถ้ารากฟันเทียมไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่มีผลต่อการเคลื่อน หรือต้องการให้เคลื่อนฟัน ก็พอจะจัดฟันได้

ในคนไข้ที่มีกระดูกไม่เพียงพอที่จะสามารถฝังรากเทียม ตามขนาดที่เพียงพอสำหรับรับแรงบดเคี้ยว

การทำรากเทียมจะแบ่งการรักษาเป็น 2 กระบวนการ คือขั้นตอนการผ่าตัดฝังรากเทียม และขั้นตอนการใส่ฟันบนรากเทียม โดย 2 ขั้นตอนนี้จะห่างกันประมาณ 4-6 เดือน


ระยะเวลาในการทำรากฟันเทียม ขึ้นกับหลายปัจจัย

  • ความแข็งแรงของร่างกายสภาพความสมบูรณ์
  • ความหนาแน่นของกระดูกขากรรไกร
  • เทคโนโลยีและชนิดของรากฟันเทียม

โดยเฉลี่ยจะใช้เวลาในการรักษา 2 เดือนในเคสที่กระดูกสมบูรณ์ และอาจจะยืดยาวถึงเป็นปีในกรณีที่ต้องมีการปลูกกระดูกร่วมด้วย

แต่ด้วยวิทยาการความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน การผ่าตัดฝังรากเทียมในรายที่กระดูกมีคุณภาพดีสามารถใส่ฟันได้ทันที หรือภายหลังการฝังรากฟันเทียมเพียง 2-3 เดือน โดยการระยะเวลาในการรักษาจะแตกต่างกันไปตามปริมาณ และคุณภาพของกระดูกรองรับรากเทียม

 

ทพญ.นลัท ว่องวัจนะ

ทันตแพทย์รากฟันเทียม

บทความโดย

ทพญ.นลัท ว่องวัจนะ

ทันตแพทย์ที่ทำงานด้านรากฟันเทียม

  • DDS(Second Class Honor), Chulalongkorn University,Bangkok,Thailand 2009
  • Certificate of completion of Intermediate and advanced basic dental implants practice from OSSTEM THAILAND
  • CERTIFICATE IN IMPLANT EXTERNSHIP PROGRAM, THE STATE UNIVERSITY OF NEWYORK AT STONY BROOK SCHOOL OF DENTAL MEDICINE
  • Honorable mention award, Esthetic implant competition, TPA with ITI Straumann. (Thai Prosthodontics Association and an International team of implantology, Straumann)
  • Accreditation of ADVANCE IN IMPLANTOLOGY –DGOI
    (Deutsche Gesellschaft für Orale Implantologie -German Society of Oral Implantology)
  • Fellowship in International Congress of Oral Implantologists (ICOI)
    PUBLICATIONS
  • Dr.Nalat Wongwatjana,DDS, – Bangkok. “Staged Approach Single Dental Implant in Aesthetic Zone, THAI ASSOCIATION OF DENTAL IMPLANTOLOGY, Vol. 40,2017

บทความเกี่ยวกับ รากฟันเทียม

ตัวอย่างการรักษา รากฟันเทียม รีวิว

รีวิว การพิมพ์ปากรากฟันเทียมทั้งปากแบบดิจิตอล(Optisplint)

รากฟันเทียม รีวิว

รีวิว สะพานฟันบนรากฟันเทียม

ตัวอย่างการรักษา รากฟันเทียม รีวิว

รีวิว-ฟันชั่วคราวทั้งปาก “Immediate Full Mouth Temporary Dentures: Instant Solutions Post Tooth Extraction”

รากฟันเทียม รีวิว

รีวิว รากฟันเทียมทั้งปาก ALLON6

OUR EXPERIENCE

IS YOUR

ADVANTAGE

get in touch with us

คลินิกทันตกรรมสไมล์แอนด์ชายน์ก่อตั้งโดย ทพญ.นลัท ว่องวัจนะ ทันตแพทย์รากฟันเทียม ที่ได้รับรางวัลและการรับรองจากสถาบันระดับสากล หลังจากที่ได้ทำงานหลายๆที่ พบว่าข้อจำกัดในการรักษา คือ เครื่องมือ เทคโนโลยี เนื่องจากทันตกรรมรากเทียมและทันตกรรมบูรณะต้องมีการใช้เครื่องมือจำนวนมาก ซึ่งเครื่องมือเหล่านั้นมีราคาสูง ทำให้แผนการรักษาไม่ได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ คุณหมอจึงตัดสินใจเปิดคลินิกของตนเอง โดยมุ่งเน้น”การรักษาที่ดีที่สุด มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุด ใช้วัสดุที่ดีที่สุด” อย่างไรก็ตามสิ่งทสำคัญที่สุดคือ การรักษาทั้งหมดยังคงที่อยู่ภายใต้จรรยาบรรณ และจริยธรรม เพื่อให้คนไข้วางใจได้ว่า แผนการรักษาของเขาจะเหมาะกับตัวเขาในระยะยาว การรักษาที่เลือกจะไม่น้อยไปจนรักษาไม่ครบหรือมากเกินไปโดยไม่จำเป็น

สรุป

การทำรากฟันเทียมไม่เพียงช่วยฟื้นฟูฟันที่สูญเสียไป แต่ยังเสริมสร้างความมั่นใจและประสิทธิภาพในการเคี้ยวอาหารอย่างเต็มที่ การปรึกษาและวางแผนร่วมกับทันตแพทย์ รวมถึงการปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการรักษา จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิผลและคงอยู่ยาวนาน