ฟันโยก เกิดจากอะไร รักษาอย่างไร | ปกป้องฟันของคุณก่อนสายเกินไป

อาการฟันโยกไม่ใช่เรื่องเล็ก หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่การสูญเสียฟันได้ การเข้าใจสาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษาที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ มาดูกันว่าฟันโยกเกิดจากอะไร และเราควรทำอย่างไรบ้าง


สาเหตุของฟันโยก

ฟันโยกอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น:

  • โรคเหงือกอักเสบ หรือโรคปริทันต์ขั้นรุนแรง

  • อุบัติเหตุหรือแรงกระแทกที่ฟัน

  • การนอนกัดฟันหรือขบฟันแน่นเป็นประจำ

  • ฟันที่ได้รับการรักษาคลองรากฟันที่โครงสร้างอ่อนแอ

  • การสูญเสียกระดูกขากรรไกรจากโรคเรื้อรัง หรือภาวะอื่นๆ

เมื่อโครงสร้างรองรับฟันไม่แข็งแรง ฟันก็จะเริ่มโยกได้ง่าย


อาการของฟันโยกที่ควรระวัง

สังเกตอาการเหล่านี้ หากพบควรรีบพบทันตแพทย์:

  • ฟันขยับได้เมื่อสัมผัสหรือเคี้ยวอาหาร

  • มีเลือดออกขณะแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟัน

  • รู้สึกเจ็บหรือระคายเคืองบริเวณเหงือก

  • ฟันยาวขึ้นผิดปกติ (ฟันลอย)

  • มีกลิ่นปากเรื้อรังจากการติดเชื้อรอบฟัน


วิธีการรักษาฟันโยก

แนวทางการรักษาฟันโยกจะพิจารณาตามระดับความรุนแรง เช่น:

1. การขูดหินปูนและเกลารากฟัน (Scaling and Root Planing)

ช่วยลดการอักเสบของเหงือก และหยุดการทำลายกระดูกที่รองรับฟัน

2. การรักษาปริทันต์ขั้นลึก

กรณีมีการสูญเสียกระดูก ทันตแพทย์อาจทำการศัลยกรรมเหงือก หรือปลูกกระดูกเพื่อเสริมความแข็งแรง

3. การตรึงฟัน (Splinting)

ใช้ลวดหรือวัสดุพิเศษเชื่อมฟันโยกกับฟันข้างเคียง เพื่อกระจายน้ำหนักการบดเคี้ยว

4. การถอนฟันและใส่รากฟันเทียม

หากฟันโยกมากจนไม่สามารถรักษาได้ จำเป็นต้องถอนฟัน และทำรากฟันเทียมเพื่อทดแทน


วิธีป้องกันฟันโยก

  • แปรงฟันอย่างถูกวิธี และใช้ไหมขัดฟันทุกวัน

  • พบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพปากและฟันอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

  • รักษาโรคเหงือกตั้งแต่ระยะแรก

  • สวมเฝือกสบฟัน หากมีอาการนอนกัดฟัน

หากสาเหตุยังไม่รุนแรง เช่น เหงือกอักเสบระยะเริ่มต้น และได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ฟันมีโอกาสกลับมาแข็งแรงได้ค่ะ

 

ควรกังวลค่ะ เพราะฟันโยกบ่งบอกถึงความผิดปกติของเนื้อเยื่อรองรับฟัน แม้ไม่มีอาการปวดก็ควรรีบปรึกษาทันตแพทย์

ไม่เสมอไป ทันตแพทย์จะประเมินว่าสามารถตรึงฟันหรือซ่อมแซมได้หรือไม่ ก่อนพิจารณาถอน

จริงค่ะ การนอนกัดฟันทำให้เกิดแรงกดมหาศาลบนฟันและเนื้อเยื่อรอบฟัน นำไปสู่ฟันโยกหรือแตกร้าวได้ในระยะยาว