allon4

การสูญเสียฟันทั้งหมดหรือฟันหลายซี่ในปากเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการบดเคี้ยวอาหาร การพูด หรือความมั่นใจในตัวเอง ในปัจจุบันเทคโนโลยีทางทันตกรรมได้พัฒนาวิธีการใหม่ที่เรียกว่า “รากฟันเทียมทั้งปากแบบ All-on-4 (All-on-4 Dental Implants)” ซึ่งกลายมาเป็นทางเลือกที่นิยมและได้ผลดีในการทดแทนฟันที่สูญเสียไปทั้งปาก

รากฟันเทียมทั้งปากแบบ All-on-4 ดิจิตอล :
การใส่ฟันปลอมติดแน่นบนรากฟันเทียม

All-on-4 คืออะไร?

เทคนิค All-on-4 เป็นหนึ่งในเทคนิค ที่ใช้ในการใส่ฟันทั้งปากแบบติดแน่น โดยป็นเทคนิกที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมาก

เทคนิคการรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียมลงไปในกระดูกขากรรไกรจำนวน 4 ราก เพื่อรองรับฟันปลอมแบบติดแน่น หรือสะพานฟัน โดยใช้สกรูยึดฟันปลอมหรือสะพานฟัน ไว้กับรากฟันเทียม ไม่ให้กระดก หรือ โยกไปมาได้เหมือนฟันปลอมทั่วๆไป ไม่จำเป็นต้องถอดออกมาทำความสะอาดเหมือนฟันปลอมปกติ

รากฟันเทียมแบบ All-on-4 จะใช้รากฟันเทียมเพียง 4 รากในการรองรับฟันปลอมทั้งขากรรไกร (ขากรรไกรบนหรือขากรรไกรล่าง) วิธีนี้ช่วยลดจำนวนรากฟันเทียมที่จำเป็น แต่ยังคงให้ความมั่นคงและทนทานเพียงพอที่จะใช้งานได้ในระยะยาว

ในเทคนิคนี้ ฟันปลอมจะถูกยึดติดกับรากฟันเทียมที่ทำจากวัสดุโลหะ เช่น ไทเทเนียม ซึ่งมีความสามารถในการเชื่อมต่อกับกระดูกได้ดี ทำให้ฟันปลอมติดแน่นและไม่เลื่อนหลุดเมื่อทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การพูดหรือการเคี้ยวอาหาร

Package รากฟันเทียมทั้งปาก 

210,000 บาท/ขากรรไกร

ประกอบด้วย

1.รากฟันเทียม 4 ราก
2.ฟันชั่วคราว 1 ชุด
3.ฟันติดแน่น Hybrid acrylic denture 1 ชุด
4. เอกซเรย์สามมิติ(CBCT X-ray)
5. Computer guide,Digital planning
6. ค่ายา
7.ค่าปลอดเชื้อ
8.ถอนฟัน

*ราคานี้ยังไม่รวมเคลียร์ช่องปาก และการปลูกกระดูก*

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม :

1.ในกรณีที่คนไข้ต้องปลูกกระดูก/ยกไซนัส/ปลูกเหงือก จะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้น  10,000 – 50,000 บาท/บริเวณ
2.หากทำชุดชั่วคราวเพิ่มราคาต่อชิ้น 10,000 บาท (บนหรือล่าง)
3.หากต้องการอัพเกรดฟันปลอมจากแบบ ACRYLIC เป็นแบบ ZIRCONIA มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 100,000 บาท/ขากรรไกร

สามารถแบ่งชำระได้

รายละเอียด แพคเกจรากฟันเทียม

กระบวนการรักษาฟันทั้งปากด้วยเทคนิค All-on-4

การรักษาด้วยเทคนิค All-on-4 เป็นวิธีการใส่ฟันเทียมทั้งปากที่ได้รับความนิยม ซึ่งใช้รากฟันเทียมเพียง 4 ตัวต่อขากรรไกรในการรองรับฟันปลอมทั้งชุด โดยกระบวนการรักษาประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้:

ขั้นตอนที่ 1: ปรึกษา, เอกซเรย์, และวางแผนการรักษา

  1. ทันตแพทย์ตรวจสอบสภาพช่องปากอย่างละเอียด และถ่ายภาพเอกซเรย์ 3 มิติ (3D CBCT)
    • เพื่อประเมินสภาพกระดูก, ตำแหน่งเส้นประสาท, และโพรงไซนัส
  2. วางแผนการรักษาและกำหนดตำแหน่งการวางรากฟันเทียมให้เหมาะสมกับโครงสร้างกระดูกของคนไข้
  3. หากกระดูกขากรรไกรไม่เพียงพอ ทันตแพทย์อาจแนะนำให้เติมกระดูกก่อนดำเนินการฝังรากฟันเทียม

ขั้นตอนที่ 2: ฝังรากเทียม และพิมพ์/สแกนครอบฟัน

  1. ทันตแพทย์จะฝังรากฟันเทียมจำนวน 4 ตัว ตามเทคนิค All-on-4:
    • ด้านหน้า: วางรากฟันเทียม 2 ตัวในแนวตั้งฉาก
    • ด้านหลัง: วางรากฟันเทียม 2 ตัวในมุมเฉียง (หรือวางตรงในกรณีกระดูกเพียงพอ)
  2. หากฟันเดิมมีปัญหาสึกหรือโยก อาจสามารถถอนฟันและฝังรากฟันเทียมได้ในขั้นตอนเดียว
  3. ในกรณีกระดูกขากรรไกรไม่เพียงพอ ทันตแพทย์จะทำการเติมกระดูกในขั้นตอนนี้
  4. หลังการฝังรากฟันเทียม ทันตแพทย์จะพิมพ์หรือสแกนช่องปากเพื่อนำข้อมูลไปสร้างสะพานฟันอะคริลิกชั่วคราว

ขั้นตอนที่ 3: ใส่สะพานฟันชั่วคราว

  1. ภายใน 1 วัน (ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทันตแพทย์) ทันตแพทย์จะใส่สะพานฟันหรือฟันปลอมชั่วคราวแบบติดแน่นให้คนไข้
    • สะพานฟันชั่วคราวมีลักษณะและสีใกล้เคียงฟันธรรมชาติ
  2. ฟันปลอมชั่วคราวช่วยให้คนไข้สามารถใช้งานฟันได้ในระหว่างรอให้รากฟันเทียมสมานตัวกับกระดูก
  3. คนไข้ต้องเข้าพบทันตแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจสอบสภาพเหงือกและแก้ไขปัญหาใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น

ขั้นตอนที่ 4: ใส่ฟันปลอมถาวร

  1. หลังจากรอประมาณ 3-6 เดือน เพื่อให้รากฟันเทียมสมานตัวกับกระดูก
  2. ทันตแพทย์จะเปลี่ยนฟันปลอมชั่วคราวเป็น ฟันปลอมถาวร ซึ่งมีความทนทานและดูเป็นธรรมชาติ
    • ฟันปลอมถาวรอาจเป็น สะพานฟันอะคริลิกแบบไฮบริด หรือ สะพานฟันเซอร์โคเนียบนโครงไทเทเนียม ตามความต้องการของคนไข้

หมายเหตุ:
ระยะเวลาและกระบวนการรักษาอาจแตกต่างกันไปตามสภาพกระดูกและช่องปากของคนไข้แต่ละราย ทั้งนี้ทันตแพทย์จะปรับแผนการรักษาให้เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไข้แต่ละคน

ผู้ที่เหมาะกับการทำรากฟันเทียมทั้งปากแบบ All-on-4

เทคนิค All-on-4 เหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันทั้งขากรรไกร(ไม่มีฟันเหลือเลย)ไม่ว่าจะเป็นขากรรไกรบนหรือขากรรไกรล่าง หรือ ฟันที่เหลือสภาพไม่ดี ไม่สามารถรักษาได้อีกต่อไป(ต้องถอนฟันทั้งหมด)

  • กระดูกต้องดี มีปริมาณเพียงพอที่สามารถใส่รากฟันเทียมได้
  • โรคประจำตัวยังสามารถควบคุมได้ 
  • ไม่มี parafunctional habit 
  • ใช้ฟันปลอมแล้วรู้สึกหลวม ใส่ไม่พอดี ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต
  • ผู้ที่สัญเสียฟันแบบทั้งปาก ไม่ว่าจะเฉพาะฟันบน หรือ ฟันล่าง
  • มีปัญหาโรคเหงือกและภาวะสูญเสียฟันในขั้นรุนแรง
  • ผู้ที่มีปัญหาจากการทำฟันปลอมชนิดอื่น รวมทั้งฟันอาจโยกคลอนจนถึงขั้นจำเป็นต้องถอน

ข้อดีของการทำ All-on-4

  • ใช้เวลาในการฟื้นฟูสั้น หายเร็วขึ้น:
    เนื่องจากใช้รากฟันเทียมจำนวนน้อยและการรักษามีความแม่นยำสูง การฟื้นฟูจากการผ่าตัดจึงเร็วกว่าเทคนิคดั้งเดิม
  • ลดจำนวนรากฟันเทียมและระยะเวลาการรักษา:
    • การทำ All-on-4 ใช้รากฟันเทียมเพียง 4 ตัวต่อขากรรไกร เพื่อรองรับฟันปลอมทั้งชุด แทนการใช้รากฟันเทียมทีละซี่เหมือนในอดีต
    • สามารถใส่ฟันปลอมชั่วคราวได้ภายใน 1 วันหลังการผ่าตัด ช่วยให้คนไข้สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้เร็ว
  • ความแข็งแรงสูง:
    ฟันปลอมที่ใช้ในเทคนิค All-on-4 ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง มีความแข็งแรงและสามารถรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี
  • ประหยัดค่าใช้จ่ายและลดความยุ่งยาก:
    ลดค่าใช้จ่ายเนื่องจากใช้รากฟันเทียมจำนวนน้อยกว่าการทำแบบดั้งเดิม
    ลดความจำเป็นในการผ่าตัดเสริมกระดูกในหลายกรณี
  • ฟื้นฟูฟังก์ชันการใช้งานฟันและความสวยงาม:
    ฟันชุดถาวรในเทคนิค All-on-4 มีลักษณะใกล้เคียงฟันธรรมชาติ ทั้งในด้านความสวยงามและการใช้งาน เช่น การเคี้ยวอาหาร

การใส่ฟันทั้งขากรรไกรแบบ All-on-4 และ All-on-6 ต่างกันอย่างไร?

ในอดีตการใส่ฟันทดแทนติดแน่นทั้งขากรรไกร มักจะใช้รากฟันเทียม 8 ถึง 10 ราก รองรับสะพานฟันหรือฟันปลอม แต่ในปัจจุบัน มีเทคนิค “All-on”ขึ้นมา โดยจะวางตำแหน่งรากฟันเทียมตัวริมสุดให้เอียง เพื่อให้ครอบคลุมบริเวณด้านท้ายของฟันปลอม ด้วยความที่เทคนิกนี้ช่วยให้คนไข้ได้ฟันเร็วขึ้น และใช้รากฟันเทียมจำนวนน้อยลง จึงได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ดังนั้น เวลาที่หาข้อมูลเกี่ยวกับการทำรากฟันเทียมทั้งขากรรไกร คำว่า all-on-6 และ all-on-4 จึงเป็นคำที่พบเสมอ

All-on-4 dental implants

เทคนิค All-on-4 นี้ได้เริ่มต้นในปี 2003 โดย Nobel Biocare โดยใช้รากฟันเทียมทั้งหมด สี่ราก และวางตำแหน่งรากฟันเทียมให้หลบอวัยวะสำคัญ เช่น ไซนัส หรือ เส้นประสาท ทำให้การใช้เทคนิคนี้(ในคนไข้ที่มีฐานกระดูกเพียงพอ) สามารถหลีกเลี่ยงการปลูกกระดูก(Bone graft)ได้

โดยเทคนิคนี้จะใช้รากฟันเทียมสองตัวหน้าปักตรงๆ และสองตัวหลังปักเอียง (การฝังรากฟันเทียมที่เอียงและห่างจากสองตัวหน้า ทำให้เกิดการกระจายแรงที่สมดุลบนฟันปลอม) เทียบคือการมีขาโต๊ะสี่ขาที่ช่วยประคองฟันปลอมด้านบนเอาไว้

All-on-4 ต่างจาก All-on-6 อย่างไร

ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดคือ จำนวนรากฟันเทียม โดย all-on-6 ใช้รากฟันเทียม 6 ราก ในขณะที่ all-on-4 ใช้รากฟันเทียม 4 ราก ยิ่งที่จำนวนรากฟันเทียมมากเท่าไหร่ ความแข็งแรงและความมั่นคงของฟันปลอมที่ยึดกับขากรรไกรก็มากขึ้นเท่านั้น นอกจากนั้นการที่มีแรงส่งผ่านไปยังขากรรไกร ยังช่วยให้กระดูกขากรรไกรละลายช้าลง (โดยถ้าไม่ได้ใส่รากฟันเทียมในขากรรไกร เมื่อขากรรไกรไม่ได้รับแรงกระตุ้น กระดูกขากรรไกรจะฝ่อลง)

All-on-6 dental implants คืออะไร

All-on-6 dental implants จะช่วยรับฟันปลอมที่ยึดติดกับขากรรไกร ได้อย่างแข็งแรงและมั่นคง ทำให้การใส่ฟันเป็นอย่างมั่นคงและฟันปลอม โดยการที่มีจำนวนรากฟันเทียมมากขึ้นทำให้มีหลักยึดที่มากขึ้น รับแรงมากขึ้น ฟันปลอมก็คงทนมากขึ้น

อย่างไรก็ตามในคนไข้ที่กระดูกไม่เพียงพอที่จะใส่รากฟันเทียมถึงหกราก ก็อาจจะเลือกทำเป็น all-on-4 ได้

สุดท้ายแล้วแนะนำว่าควรตรวจและปรึกษาแพทย์ว่ากรณีของเราจะใส่ฟันแบบไหนได้บ้าง เพื่อเป็นทางเลือกในการตัดสินใจที่ดีที่สุดค่ะ

สรุป

รากฟันเทียมแบบ All-on-4 เป็นวิธีการที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูการใช้งานฟันสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันทั้งแผง ให้ความมั่นคง ทนทาน และมีลักษณะใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ ด้วยประโยชน์หลายประการและการดูแลรักษาที่ไม่ยุ่งยาก จึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและได้รับความนิยมในปัจจุบัน