แนวทางการดูแลและรักษา “รากฟันเทียม” อย่างถูกวิธี
เทคนิคที่แนะนำสำหรับการดูแลก่อนและหลังผ่าตัด “รากฟันเทียม”
การเตรียมตัวก่อนการทำรากฟันเทียม (หรือการฝังฟันเทียม)
“การทำรากฟันเทียม” เป็นวิธีการฟื้นฟูความสวยงามและฟังก์ชันของฟันที่เราเสียหายไป แต่ก่อนที่จะดำเนินการกับ “รากฟันเทียม”, การเตรียมตัวเป็นขั้นตอนที่สำคัญเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้น, ความรู้ในการเตรียมตัวก่อนวันทำ “รากฟันเทียม” จึงเป็นสิ่งที่คนที่ต้องการเข้ารับการรักษาควรได้รับรู้.
การเตรียมตัวก่อนการทำรากฟันเทียม (หรือการฝังฟันเทียม) จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาภายหลังการฝังฟันเทียมในระยะยาว ดังนี้:
- ตรวจสภาพสุขภาพ: พบแพทย์เพื่อตรวจสอบสุขภาพรวมและสภาพฟันและเหงือกที่ต้องการฝังฟันเทียม เพื่อให้แน่ใจว่ายังไม่มีการอักเสบ ฟันตกหลุด หรือปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพฟันอื่นๆ
- ความสะอาดปาก: ต้องมั่นใจว่าปากของคุณสะอาด เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อระหว่างและหลังการฝังฟันเทียม
- การแพ้ยา: บอกแพทย์หากคุณมีประวัติการแพ้ยาหรือวัตถุดิบบางอย่าง
- รับประทานอาหาร: ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานอาหารก่อนทำการฝังฟันเทียม เพื่อป้องกันการรู้สึกไม่สบายหลังจากการฝัง
- การทานยา: หากคุณทานยาบางประเภทอยู่แล้ว ควรปรึกษาแพทย์ว่าควรหยุดการทานยาหรือปรับปริมาณยาก่อนทำการฝังฟันเทียม
- การหยุดสูบบุหรี่: ถ้าคุณเป็นคนสูบบุหรี่ ควรพยายามหยุดสูบเพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษาที่ประสบความสำเร็จ
- การนอนพัก: แนะนำให้นอนพักให้เพียงพอก่อนวันที่มีการฝังฟันเทียม เนื่องจากการฝังฟันเทียมเป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่อาจทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยหรือไม่สบาย
- การเตรียมความพร้อมทางจิตใจ: รู้สึกตื่นเต้นหรือกังวลก่อนการฝังฟันเทียมเป็นเรื่องปกติ แต่ความรู้สึกดังกล่าวไม่ควรมีผลกระทบต่อการฝังฟันเทียม
- การจัดสรรเวลา: การฝังฟันเทียมอาจต้องการเวลาหลังการรักษาเพื่อการฟื้นฟู ดังนั้นควรจัดสรรเวลาให้เพียงพอ
- การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์: หากแพทย์ได้มีการแนะนำเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติม ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
การฝังฟันเทียมเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพฟันของคุณ ดังนั้นการเตรียมตัวอย่างดีจะช่วยให้กระบวนการฝังฟันเทียมมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น.
ข้อปฏิบัติหลังการรับการปลูกรากฟันเทียม
การเลือกรับประทานอาหารหลังรับการปลูกรากฟันเทียม
- หลังการผ่าตัดคนไข้ควรเลือกรับประทานอาหารอ่อนๆ เช่นข้าวต้ม ซุปหรือก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีรสจัดหรือร้อนเกินไป
- แนะนำให้รับประทานอาหารอ่อนๆในช่วง 6 วันแรกเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ และการอักเสบบวมช้ำบริเวณที่ได้รับการผ่าตัด
- ควรบ้วนปากด้วยน้ำเกลือทุกครั้งหลังการ รับประทานอาหารทุกมื้อ โดยผสมเกลือ ครึ่งช้อนชากับน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว หรือสามารถเลือกใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสม chlorhexidine
กรณีมีเลือดซึมหรือไหลหลังการผ่าตัด
- โดยทั่วไปทันตแพทย์จะให้คนไข้กัดผ้าก๊อซเพื่อให้เลือดหยุดนานประมาณ 30 นาทีหลังการผ่าตัด
- คนไข้ควรกัดผ้าก๊อซเพียงเบาๆให้ผ้าก๊อซอยู่กับที่
- ควรเปลี่ยนผ้าก๊อซทุก 30 นาทีกรณีที่ยังมีเลือดไหลซึมอยู่
- ในการเปลี่ยนผ้าก๊อซ คนไข้ควรม้วนผ้าก๊อซชิ้นใหม่ให้เป็นก้อนหนาพอที่จะกัด
- การไหลซึมของเลือดหลังการผ่าตัดไม่ควรที่จะมากเกินไป กรณีที่เลือดไหลไม่หยุด กรุณาติดต่อคลินิกทันที
การดูแลอาการบวมหลังการผ่าตัด
- ควรประคบเย็นด้วยห่อน้ำแข็งหรือผ้าเย็นทันที หลังการผ่าตัดนานประมาณ 30 นาทีบนแก้มด้านที่ได้รับการปลูกรากฟันเทียมเพื่อหลีกเลี่ยงการบวมที่อาจเกิด ขึ้นได้
- ควรประคบนานประมาณ 30 นาทีและหยุดพักประมาณ 30 นาทีสลับกันไป
- ขณะนอนควรยกศีรษะให้สูงโดยหนุนหมอนเพิ่มในช่วง 2 คืนแรกหลังการผ่าตัดเพื่อหลีกเลี่ยงอาการบวมที่อาจเกิดขึ้นได้
- ไม่ควรอมหรือเคี้ยวน้ำแข็ง
การดูแลกรณีมีอาการปวดระบบบริเวณผ่าตัด
- ยาชาจะหมดฤทธิ์ประมาณ 1-2 ชั่วโมงหลังการผ่าตัดขึ้นอยู่กับประเภทและปริมาณของยาชาที่ได้รับ
- ขณะที่ยาชายังคงออกฤทธิ์อยู่ คนไข้ควรระวังเพราะอาจกัดกระพุ้งแก้ม ลิ้นและริมฝีปากของตนได้
- คนไข้ควรรับประทานยาแก้ปวดตามที่ทันตแพทย์แนะนำและตามความจำเป็นเท่านั้น
- กรณีอาการเจ็บปวดไม่ดีขึ้นหรือไม่หายไป กรุณาติดต่อคลินิกทันที
การดูแลบริเวณผ่าตัดเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้ออักเสบ
- หลังการผ่าตัดคนไข้ควรบ้วนปากด้วยน้ำเกลือ ทุกครั้งหลังการรับประทานอาหารทุกมื้อ โดยผสมเกลือ ครึ่งช้อนชากับน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว หรือสามารถเลือกใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของ chlorhexidine เพื่อป้องกันการอักเสบหรือติดเชื้อ
- อมน้ำเกลือหรือน้ำยาในปากแล้วกลั้วเบาๆหรือใช้วิธีการเอียงศีรษะเพื่อให้น้ำยาเวียนไปทั่วช่องปาก
- ห้ามกลั้วปากแรงเกินไป
- ควรรับประทานยาแก้อักเสบตามที่ทันตแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
การดูแลในช่วงระหว่างรอให้แผลหาย
- การมีคราบเลือดแห้งกรังติดบริเวณแผลหลังการผ่าตัดเป็นเรื่องปกติ
- ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมต่างๆที่อาจกระทบบริเวณผ่าตัดได้
- ไม่ควรบ้วนปากอย่างรุนแรงหรือใช้สิ่งแปลกปลอมรวมถึงนิ้วมือแตะหรือเขี่ยบริเวณแผลผ่าตัด
- ควรงดสูบบุหรี่และการใช้หลอดดื่มน้ำในช่วง 72 ชั่วโมงหลังการผ่าตัดเนื่องจากการออกแรงดูดมีผลต่อการหายของแผลได้
- คนไข้สามารถดื่มน้ำหรือใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดลิ้นเพื่อทำความสะอาดได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงบริเวณแผลผ่าตัด
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังการผ่าตัด จะช่วยทำให้แผลแห้ง และลดปัญหาการไหลซึมของเลือด
- ควรทาขี้ผึ้งหรือวาสลีนบนริมฝีปากในช่วง 2 วันแรกหลังการผ่าตัดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาริมฝีปากแห้งหรือแตกได้
การดูแลความสะอาดและสุขอนามัยในช่องปากหลังการผ่าตัด
- ท่านสามารถทำความสะอาดฟันและช่องปากได้ตามปกติประมาณ 2 – 3 วันหลังการผ่าตัด
- อาการปวดบวมหรือระบบจากการผ่าตัดอาจ เป็นอุปสรรคในการทำความสะอาด ดังนั้นการทำความสะอาดอย่างเบามือ รวมทั้งความพยายามในการทำความสะอาดอย่างทั่วถึงจึงมีความสำคัญ
“แนวทางการดูแลและรักษา ‘รากฟันเทียมทั้งปาก’ หรือ ‘allon4’ อย่างถูกวิธี”
เทคนิคที่แนะนำสำหรับการดูแลรักษา ‘รากฟันเทียมทั้งปาก’ และ ‘allon4’ เพื่อให้รักษาความแข็งแรงและยั่งยืนของฟันเทียม.”
เมนูอาหารที่แนะนำหลังทำ รากฟันเทียมทั้งปาก “ALLON4”
หลังจากการทำ “รากฟันเทียมทั้งปาก” หรือ “ALLON4”, การระมัดระวังในการเลือกเมนูอาหารเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อป้องกันความเสียหายและการติดเชื้อของรากฟันเทียม.
ต่อไปนี้คือเมนูอาหารที่แนะนำสำหรับช่วงหลังการทำรากฟันเทียม:
-
เนื้อนุ่ม: เช่น ซุปไก่, ซุปหมู, หมูสับนุ่ม, ไก่สับนุ่ม หลีกเลี่ยงเนื้อที่มีเส้นเนื้อ
-
เยลลี่และวุ้น: เช่น เยลลี่ผลไม้, วุ้นเส้น, วุ้นมะพร้าว
-
อาหารปั่น: เช่น สมูทตี้ผลไม้, นมปั่น
-
ซุปน้ำใส: ที่ไม่มีมันเยิ้ม
-
ผักนึ่ง: ให้นึ่งจนนุ่มพอที่จะรับประทานได้โดยไม่ต้องเคี้ยวมาก
-
ข้าวต้มหรือโจ๊ก: ให้รับประทานในร consistency นุ่มๆ
-
ไข่: เช่น ไข่ต้ม, ไข่ลาวา, หรือไข่นึ่ง
-
เต้าหู้นุ่ม: เช่น เต้าหู้ไข่, เต้าหู้น้ำ
-
โยเกิร์ต: ได้รับประโยชน์จาก probiotics ที่อยู่ในโยเกิร์ต
-
ผลไม้นึ่งหรือปั่น: เช่น แอปเปิ้ลปั่น, กล้วยนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น, ควรหลีกเลี่ยงอาหารแข็ง และ คริสปี้ เช่น ขนมที่ทอด, กรอบ, นัทส์, และอาหารที่ต้องเคี้ยวมากในช่วงแรกหลังจากการทำรากฟันเทียม. การรับประทานอาหารนุ่มๆ จะช่วยลดการภาวะอักเสบและเร่งการหายหลังการฝังฟันเทียม.